Industry
Boonyawee Sirimaya
3
นาที อ่าน
July 17, 2025

อีกก้าวของ AI ตรวจพบมะเร็งได้ง่าย ๆ แค่ใช้มือถือ

มือถือของเราอาจะมาเป็นเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการแพทย์จากการตรวจมะเร็งได้ในพริบตา

เวลาที่ต้องรอผลตรวจมะเร็งนั้นเต็มไปด้วยความกังวลใจ ทั้งการนัดหมายที่ยาวนาน เครื่องมือเฉพาะทางที่เข้าถึงยาก และกระบวนการวินิจฉัยที่ซับซ้อน จะเป็นยังไงถ้าเทคโนโลยีสามารถทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นได้ ถ้าการตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อการรอดชีวิต สามารถทำได้แค่ปลายนิ้วสัมผัสบนสมาร์ตโฟนของเราเอง

เราทุกคนกำลังอยู่ในยุคที่การแพทย์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทคโนโลยี AI เข้ามาพลิกโฉมวิธีการตรวจหามะเร็ง และทำให้การวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำอยู่ใกล้แค่ในมือของเรา

ในงาน ENDO 2025 การประชุมประจำปีของสมาคมต่อมไร้ท่อ (Endocrine Society) นักวิจัยได้เปิดตัวเครื่องมือ AI สุดล้ำที่สามารถวิเคราะห์ภาพ CT/MRI เพื่อวินิจฉัยมะเร็งต่อมไร้ท่อ (endocrine cancers) ด้วยความแม่นยำกว่า 99% และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ มันทำงานบนสมาร์ตโฟนทั่วไป ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที (The ASCO Post, 2025)

นี่ไม่ใช่การพัฒนาก้าวเล็ก ๆ แต่คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้การตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้นกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ และอาจเปลี่ยนอนาคตของการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก

พลังของ AI ในมือเรา

แล้วสมาร์ตโฟนธรรมดา ๆ จะทำสิ่งนี้ได้ยังไง? คำตอบอยู่ที่ ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (AI) โดยเฉพาะ อัลกอริทึม deep learning อย่าง EfficientNets และ ResNets ที่ถูกฝึกด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของภาพทางการแพทย์แบบไม่ระบุตัวตน ซึ่งรวมถึงภาพจาก CT, MRI, อัลตราซาวด์ ไปจนถึงข้อมูลเซลล์วิทยาและพยาธิวิทยาของเนื้องอกต่อมไร้ท่อหลายประเภท (Endocrine Society, 2025)

ถ้าอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ แต่ก่อน รังสีแพทย์ ต้องใช้ความเชี่ยวชาญที่ฝึกฝนมานานหลายปีเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในภาพสแกนที่ซับซ้อน แต่ AI สามารถวิเคราะห์ภาพหลายล้านภาพ เรียนรู้รูปแบบ โครงสร้าง หรือแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ ที่ดวงตาคนเราอาจมองไม่เห็น หรืออาจพลาดไปเพราะความล้าและข้อจำกัดของเวลา

3 จุดแข็งที่เข้ามาช่วยยกระดับความสามารถในการตรวจมะเร็ง

  • ความเร็ว: การประมวลผลภาพในไม่กี่เสี้ยววินาที ช่วยลดเวลารอคอยจากเป็นสัปดาห์ เหลือเพียงแค่พริบตา
  • ความแม่นยำ: จากการทดสอบ บางโมเดล AI มีความแม่นยำเกิน 99% ซึ่งสามารถเทียบเท่า หรือบางครั้งเหนือกว่าความสามารถของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (The ASCO Post, 2025)
  • การเข้าถึง: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ AI นี้ทำงานได้บนสมาร์ตโฟนทั่วไป โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง ทำให้คนในพื้นที่ห่างไกลหรือทรัพยากรจำกัดก็สามารถเข้าถึงการวินิจฉัยระดับผู้เชี่ยวชาญได้ เป็นก้าวสำคัญของ ความเท่าเทียมด้านสุขภาพ (Health Equity)

ดร. Elangovan Krishnan ที่ปรึกษาโครงการจาก AIM Doctor กล่าวไว้ว่า

“นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการรักษามะเร็ง มันมอบความหวังให้กับการตรวจพบโรคได้เร็วขึ้น การรักษาที่แม่นยำขึ้น และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ผู้ป่วยมะเร็งต่อมไร้ท่ออย่างมีนัยสำคัญ”
(The ASCO Post, 2025)

มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญและผลลัพธ์ที่เห็นได้จริง

ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทั่วโลกเริ่มตระหนักถึง ศักยภาพอันมหาศาลของ AI ในการพลิกโฉมวงการการแพทย์

“ความสามารถของ AI ในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ กำลังเปลี่ยนแนวทางการดูแลสุขภาพ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ผลลัพธ์การรักษาดีขึ้นทั่วโลก”
World Economic Forum (2024)

แนวคิดนี้ตรงกับบทบาทของ เครื่องมือตรวจมะเร็งผ่านสมาร์ตโฟน ซึ่งไม่ได้มาแทนที่บุคลากรการแพทย์ แต่กลับเป็น ผู้ช่วยวินิจฉัยที่ทรงพลังและเข้าถึงง่าย ทำให้แพทย์ทำงานได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้นและไม่ได้จำกัดแค่ มะเร็งต่อมไร้ท่อ (endocrine cancer) เท่านั้น เพราะ AI ยังแสดงศักยภาพโดดเด่นในการช่วยตรวจหามะเร็งหลายชนิดผ่านภาพทางรังสีวิทยา ไม่ว่าจะเป็น เอกซเรย์, MRI, CT Scan หรืออัลตราซาวด์

ยกตัวอย่างการร่วมมือระหว่าง Massachusetts General Hospital และ MIT ที่พัฒนาอัลกอริทึม AI สำหรับงานรังสีวิทยา โดยสามารถตรวจพบก้อนเนื้อในปอดได้แม่นยำถึง 94% ขณะที่รังสีแพทย์มนุษย์ทำได้เพียง 65% ในงานเดียวกัน อีกตัวอย่างจากเกาหลีใต้ พบว่า AI ตรวจหามะเร็งเต้านมที่มีก้อนเนื้อได้แม่นยำ 90% สูงกว่าผลจากรังสีแพทย์ที่ทำได้ 78% (Scispot, 2025) 

ความท้าทายและข้อพิจารณาด้านจริยธรรม

แม้โอกาสจะมหาศาล แต่การนำ AI เข้ามาใช้ในงานด้านการแพทย์ที่สำคัญขนาดนี้ ก็ต้องเผชิญกับทั้ง ความท้าทายและประเด็นจริยธรรม ที่ต้องแก้ไข

  • ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
    การจัดเก็บและจัดการข้อมูลการแพทย์ในระดับโลก ย่อมสร้างความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการและโครงสร้างที่แข็งแรงเพื่อปกป้องข้อมูลผู้ป่วย (HITRUST Alliance, n.d.)

  • อคติของอัลกอริทึม (Algorithmic Bias)
    AI จะเก่งแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ถูกฝึกมา ถ้าข้อมูลไม่หลากหลาย AI อาจวินิจฉัยได้ไม่แม่นยำกับบางกลุ่มประชากร ซึ่งอาจทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น (CDC, 2024) ดังนั้น ฐานข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นตัวแทนของทุกกลุ่มคน จึงสำคัญมาก

  • อุปสรรคด้านกฎระเบียบ
    ก่อนที่เครื่องมือเหล่านี้จะถูกใช้แพร่หลายในคลินิกหรือโรงพยาบาล ต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด การทดลองทางคลินิก และขั้นตอนอนุมัติด้านกฎหมายที่ซับซ้อน เพื่อให้มั่นใจว่ามี ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพจริง (Microsoft AI, 2025)

  • ความเชื่อมั่นและความโปร่งใส
    ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไรและให้คำวินิจฉัยแบบไหน ความโปร่งใสในการทำงานของระบบ AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความไว้วางใจ

ถึงแม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ แต่ทิศทางของ AI ในการวินิจฉัยโรคก็ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สิ่งที่เผยในงาน ENDO 2025 เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ สู่อนาคตที่ สมาร์ตโฟนจะสามารถตรวจคัดกรองมะเร็งได้เอง และ AI ด้านสุขภาพบนมือถือจะช่วยให้บริการทางการแพทย์เข้าถึงง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้นทั่วโลก

นี่ไม่ใช่เพียงก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี แต่คือก้าวกระโดดของมนุษยชาติ ที่จะทำให้การตรวจพบมะเร็งระยะแรกเป็นไปได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI ในการแพทย์ เทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามามีบทบาทในการช่วยชีวิตผู้คนได้ยังไง คลิกที่นี่