.webp)
Meta ดึงตัวคนเก่งจาก OpenAI เพื่อสร้าง AI ที่เหนือกว่า
ศึกชิงยอดฝีมือ AI: เมื่อ Meta ดึงตัวทีม OpenAI จุดชนวนยุคใหม่แห่ง Super-AI
วงการ AI กำลังร้อนระอุ! ศึกครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) ดึงตัวผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจาก OpenAI อย่างดุเดือด กลายเป็น “สงคราม Super-AI” ที่มีเดิมพันสูงกว่าแค่การแย่งพนักงานเก่ง ๆ แต่คือการเดิมพันอนาคตของ AI ที่ฉลาดที่สุดในโลก
แม้การแข่งขันด้าน AI จะดุเดือดมาตลอด แต่การที่ CEO อย่าง Mark Zuckerberg ลงมาดึงตัวทีมวิจัยจาก OpenAI ด้วยตัวเองนั้น ส่งสัญญาณชัดว่า Meta กำลังเร่งเครื่องสุดตัวเพื่อไล่ให้ทันหรือแซงหน้าในการพัฒนา AI ที่เรียกว่า AGI (Artificial General Intelligence) หรือ AI ที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ในทุกด้าน
อะไรที่ทำให้ยอดฝีมือ AI ย้ายค่าย?
เบื้องหลังการย้ายค่ายครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เงินเดือนสูงลิบ แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ดึงดูดใจนักวิจัยระดับท็อป:
- โปรเจกต์สุดล้ำ: Meta กำลังทุ่มทุนมหาศาลสร้าง "ห้องวิจัยปัญญาประดิษฐ์เหนือมนุษย์" หรือ Superintelligence Lab เป้าหมายคือพัฒนา AI ที่ฉลาดกว่ามนุษย์ นักวิจัยที่ได้ร่วมงานจะได้อยู่แถวหน้าของเทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนโลกในอนาคต
- ค่าตอบแทนระดับพรีเมียม: ถึงแม้ข่าวลือว่ามีโบนัสเซ็นสัญญาถึง 100 ล้านดอลลาร์จะถูกทีมวิจัยที่ย้ายไป Meta ปฏิเสธว่า “ข่าวปลอม” (India Today, 2025) แต่ตัวเลขค่าตอบแทนยังสูงมากอยู่ดี ตัวอย่างเช่น ค่าตอบแทนเฉลี่ยของพนักงาน Meta เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 417,400 ดอลลาร์ต่อปี
- วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์: Mark Zuckerberg ลงมาคุมเกมเอง พร้อมลงทุน 14.3 พันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Scale AI และดึงผู้ก่อตั้ง Alexandr Wang เข้าร่วมทีม Superintelligence ของ Meta (Mint, 2025)
ใครบ้างที่ย้ายจาก OpenAI ไป Meta?
รายชื่อผู้เชี่ยวชาญที่ย้ายจาก OpenAI ไป Meta ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อวงการ AI:
- Lucas Beyer, Alexander Kolesnikov และ Xiaohua Zhai: เดิมอยู่ที่ออฟฟิศ OpenAI ในซูริก เคยร่วมงานกันที่ Google DeepMind มาก่อน พวกเขานำความรู้ด้าน AI ขั้นสูงมาสู่ทีมใหม่ของ Meta โดยเฉพาะ Beyer ที่ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องโบนัส 100 ล้านว่าไม่จริง
- Trapit Bansal: นักวิจัยคนสำคัญของ OpenAI ที่มีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยี reinforcement learning และเป็นผู้ร่วมพัฒนาโมเดล reasoning ตัวแรกของ OpenAI ที่ชื่อว่า o1 การที่เขาย้ายไปร่วมทีม Superintelligence ของ Meta ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของ OpenAI และเป็นกำไรอย่างมากของ Meta (Silicon UK, 2025)
- Shengjia Zhao, Jiahui Yu, Shuchao Bi และ Hongyu Ren: ทีมนี้มีบทบาทใหญ่กับการพัฒนา GPT-4o โดยเฉพาะ Yu ที่เคยหัวหน้าทีม Perception ของ OpenAI และร่วมพัฒนา AI แบบมัลติโหมด ส่วน Bi และ Ren มีส่วนใน post-training และระบบเสียง ขณะที่ Zhao นำทีมพัฒนา synthetic data ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Conversational AI
ประเด็นร้อนและความท้าทาย
สงครามชิงคนเก่ง AI ไม่ได้มีแค่เบื้องหน้าที่น่าตื่นเต้น ยังมีดราม่าและคำถามตามมาอีกมาก:
- ค่าตอบแทนเกินจริง? Sam Altman ซีอีโอ OpenAI กับ Andrew Bosworth ซีทีโอ Meta มีปากเสียงกันสาธารณะเรื่องโบนัส โดย Bosworth บอกว่าคำกล่าวของ Altman “บิดเบือน” และเงินระดับนั้นมีเฉพาะกับผู้นำไม่กี่คนเท่านั้น (India Today, 2025)
- ปัญหาการรักษาคนเก่ง: แม้จะดูดคนเก่งมาได้ แต่ Meta ก็เผชิญปัญหาการรักษาคนไว้ โดยในปี 2024 บริษัทมีอัตราการรักษาบุคลากรเพียง 64% ขณะที่ OpenAI เองก็ต้องปรับโครงสร้างค่าตอบแทนใหม่ เพื่อป้องกันคนไหลออก (Evolving AI Insights, 2025)
- ประเด็นจริยธรรม: การเปรียบการพัฒนา AI ว่าเป็น "สงครามอาวุธ" อาจนำไปสู่การเร่งสร้างโดยไม่สนใจความปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การแข่งขันที่รุนแรงเกินไป อาจทำให้เกิด AI ที่มีอันตรายโดยไม่ตั้งใจ เช่น การนำไปใช้ในระบบสอดแนม สงครามไซเบอร์ หรือข่าวปลอม (CARE, 2025)
อะไรคือผลกระทบในวงกว้าง?
การแย่งชิงคนเก่ง AI ไม่ได้ส่งผลแค่ในวงการไอที แต่มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในหลายมิติ:
- เร่งการพัฒนา AGI: การแย่งตัวนักวิจัยระดับท็อปอย่างเข้มข้น จะเร่งให้การพัฒนา AGI (Artificial General Intelligence) เดินหน้าเร็วขึ้นกว่าที่เคย เมื่อบริษัทต่าง ๆ เทงบลงทุนมหาศาลทั้งในบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน โอกาสที่จะเห็น AI ขั้นสูงระดับใกล้เคียงมนุษย์กลายเป็นจริงก็ใกล้เข้ามา
- อำนาจกระจุกตัว: เมื่อยอดฝีมือถูกดูดเข้าสู่บริษัทใหญ่เพียงไม่กี่ราย ความเชี่ยวชาญด้าน AI ก็เริ่มถูกผูกขาด อาจนำไปสู่การผูกขาดทางเทคโนโลยี และปิดกั้นโอกาสสำหรับสตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็ก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศนวัตกรรมโดยรวม
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก: McKinsey คาดว่า AI จะเพิ่มมูลค่าผลผลิตทั่วโลกได้ถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ (McKinsey, 2025) ให้เศรษฐกิจโลกจากการนำไปใช้งานในภาคธุรกิจ การแข่งขันเพื่อแย่งตัวคนเก่งจึงเป็นภาพสะท้อนของมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มหาศาลมาก
- เดิมพันระดับโลก: หลายประเทศมองว่า AI คือกุญแจสู่ความมั่นคงและอำนาจทางเศรษฐกิจ — การแข่งขันจึงมีมิติเชิงภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับที่ Vladimir Putin เคยกล่าวว่า “ใครที่เป็นผู้นำด้านนี้ จะกลายเป็นผู้นำของโลก” (Wikipedia, Artificial intelligence arms race)
สงครามสมองในยุค Super-AI ยังไม่จบ และการย้ายค่ายของนักวิจัยเหล่านี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเทคโนโลยี เมื่อทุกบริษัทต่างล่าคนเก่งเพื่อสร้าง AI ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง
แต่ในท้ายที่สุด คำถามสำคัญไม่ใช่แค่ “ใครจะได้คนเก่ง” — แต่อยู่ที่ว่า “ใครจะรักษาและเปิดทางให้คนเก่งเหล่านั้นเปลี่ยนโลกได้จริง”
ทาง Amity Solutions ก็มีบริการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่