.avif)
ในยุคที่ข้อมูลมีอยู่รอบตัว แต่เวลาของเรามีจำกัด ‘Deep Research’ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดจาก Perplexity AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการเจาะลึกข้อมูลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนวิธีที่เราค้นคว้าหัวข้อซับซ้อน ด้วยการวิเคราะห์ระดับผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที (ZDNET, 2025)
เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ‘Deep Research’ คือฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถทำการวิจัยเชิงลึกได้อัตโนมัติในหลากหลายหัวข้อ แตกต่างจากเสิร์ชเอนจินทั่วไปที่แสดงแค่ลิงก์จำนวนมาก เครื่องมือนี้จะค้นคว้าจากหลายแหล่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ทำการค้นหาหลายรอบ ประเมินแหล่งข้อมูลนับร้อย และสรุปออกมาเป็นรายงานที่เข้าใจง่าย เหมือนมีนักวิจัยมืออาชีพอยู่ข้างตัว ใช้เวลาเพียง 2-4 นาทีเท่านั้น จากเดิมที่อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง (Search Engine, 2025)
ระบบทำงานของ Deep Research ถูกออกแบบให้เลียนแบบกระบวนการคิดของนักวิจัยมนุษย์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก:
เมื่อผู้ใช้ป้อนคำถาม AI จะเริ่มค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดหลายรอบ วิเคราะห์แหล่งข้อมูลจำนวนมาก และปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ค้นพบ กระบวนการนี้ช่วยให้เข้าใจหัวข้ออย่างลึกซึ้งและครอบคลุม (Influencer Marketing Hub, 2025)
หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลครบถ้วน AI จะจัดทำรายงานที่มีโครงสร้างชัดเจน พร้อมบทสรุปและแหล่งอ้างอิง ทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องไปไล่อ่านข้อมูลทั้งหมดเอง
ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดรายงานเป็นไฟล์ PDF หรือแชร์ผ่านฟีเจอร์ Perplexity Pages เพื่อให้ทีมสามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลร่วมกันได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่ทำให้ ‘Deep Research’ โดดเด่นและแตกต่างจากเครื่องมืออื่น ๆ ในตลาด มีหลายด้านที่น่าสนใจ:
ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วและข้อมูลหลั่งไหลตลอดเวลา การมีเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจข้อมูลซับซ้อนได้รวดเร็วคือข้อได้เปรียบสำคัญ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม ‘Deep Research’ จึงเป็นเกมเชนเจอร์:
หลังเปิดตัวไม่นาน ‘Deep Research’ ก็ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในแวดวงเทคโนโลยี โดยเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและ AI
Steven Vaughan-Nichols บรรณาธิการอาวุโสจาก ZDNet กล่าวว่า:
“เครื่องมือนี้ผสมผสานความสามารถของ AI ในการให้เหตุผลกับการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว จนสามารถสร้างรายงานคุณภาพสูงได้ในเวลาอันสั้น” (WSJ, 2025)
คำชื่นชมเช่นนี้สะท้อนถึงศักยภาพของ Perplexity ในการเปลี่ยนรูปแบบการวิจัยจากเดิมที่ใช้แรงและเวลามหาศาล ให้กลายเป็นกระบวนการที่รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
แม้ว่า ‘Deep Research’ จะมาพร้อมกับข้อดีมากมาย แต่ก็มีบางประเด็นที่ผู้ใช้งานควรคำนึงถึง:
‘Deep Research’ ของ Perplexity เป็นตัวอย่างหนึ่งของความก้าวหน้าในวงการปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่ได้แค่ช่วยให้กระบวนการค้นคว้าวิจัยเร็วขึ้น แต่ยังเพิ่มคุณภาพและมุมมองเชิงลึกให้กับผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทุกเทคโนโลยีใหม่ การใช้งานควรทำอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงทั้งโอกาสและความรับผิดชอบที่มาพร้อมกัน ถ้าใช้อย่างเหมาะสม AI อย่าง Deep Research ก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างสังคมที่มีข้อมูลครบถ้วน รอบรู้ และตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Perplexity Deep Research ได้ที่นี่
ทาง Amity Solutions ก็มีบริการ generative AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่