ทุกวันนี้ อาชญากรไซเบอร์ไม่ใช่คนร้ายที่ใส่หน้ากากหรือถือปืนปล้นธนาคารอีกต่อไป แต่เป็นแฮกเกอร์หัวใสที่ใช้เทคโนโลยีในการเจาะระบบธนาคารออนไลน์ ด้วยการฉ้อโกงที่ซับซ้อนและเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเก่าจึงเริ่มไม่ทันเกม
JPMorgan Chase เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้และตัดสินใจนำ AI เข้ามาช่วยจับการโกงทางการเงิน เพื่อป้องกันและตอบสนองได้เร็วขึ้น (AI.Business, 2024)
เมื่อก่อน ธนาคารมักใช้ระบบตั้งกฎ (rule-based) ในการตรวจสอบธุรกรรม เช่น ถ้าโอนเงินเกินจำนวนที่กำหนด หรือโอนจากประเทศเสี่ยง ระบบจะเตือนทันที
แต่ปัญหาคือ มันเตือนบ่อยเกินไป แม้ในกรณีที่ไม่ใช่การโกงจริง ๆ และไม่ยืดหยุ่นพอกับเทคนิคใหม่ ๆ ของมิจฉาชีพ (Swan Intelligence, 2023)
การนำ AI เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดแบบเดิม ๆ:
เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การตรวจจับแม่นยำมากขึ้น ลดการแจ้งเตือนผิดพลาด และช่วยให้ลูกค้าไม่ถูกขัดจังหวะโดยไม่จำเป็น
ระบบตรวจจับการฉ้อโกงด้วย AI ของ JPMorgan Chase ไม่ใช่แค่การอัปเกรดด้านเทคโนโลยี แต่เป็นการ “เปลี่ยนเกม” ครั้งใหญ่ที่ช่วยให้ธนาคารปกป้องทรัพย์สินและลูกค้าได้ดีขึ้นกว่าที่เคย
มาดูให้ลึกขึ้นว่าผลลัพธ์ที่ได้มีอะไรบ้าง:
จากข้อมูลภายใน JPMorgan รายงานว่าได้รับประโยชน์ทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญจากการนำ AI มาใช้ในหลายกระบวนการขององค์กร รวมถึงการป้องกันการฉ้อโกง โดยอ้างอิงจากรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2025 ธนาคารสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ด้วย AI เช่น การป้องกันการฉ้อโกง การซื้อขาย การตัดสินใจด้านสินเชื่อ และอื่น ๆ (Reuters, 2025)
AI ตรวจจับพฤติกรรมฉ้อโกงได้ เร็วกว่าเดิมถึง 300 เท่า เทียบกับระบบเดิม (GameReviews.co.in, 2024)ในยุคที่การโอนเงินและจ่ายเงินเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ความเร็วแบบนี้สำคัญมาก เพราะสามารถหยุดความเสียหายได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งในด้านการเงินและภาพลักษณ์ของธนาคาร
ระบบเก่ามักแจ้งเตือนเกินเหตุ เช่น ลูกค้าใช้บัตรซื้อของตามปกติแต่โดนระงับ แต่เมื่อใช้ Machine Learning ความแม่นยำในการตรวจจับ “การฉ้อโกงจริง” สูงขึ้นมาก ทำให้ลูกค้าไม่ต้องคอยรับโทรศัพท์จากธนาคารเพื่อยืนยันรายการ และรู้สึกมั่นใจในระบบมากขึ้น (AI.Business, 2024)
AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานเฉพาะบุคคล เช่น ลูกค้าใช้บัตรแค่ในนิวยอร์ก แต่จู่ ๆ ไปใช้รูดซื้อของราคาแพงที่ดูไบ — ระบบจะขึ้นสัญญาณเตือนทันที แม้ธุรกรรมยังไม่เสร็จสมบูรณ์ (Lum Ventures, 2024)
นี่คือพลังของ Predictive Analytics ที่ทำให้ AI คิดล่วงหน้าได้
ไม่ว่าจะเป็น Mobile Banking, ตู้ ATM หรือใช้งานออนไลน์ AI ของ JPMorgan ก็สามารถติดตามพฤติกรรมได้ทั้งหมดแบบ Real-Time ความสามารถนี้ทำให้ธนาคารดูแลความปลอดภัยของลูกค้าได้อย่างทั่วถึงในทุกช่องทาง
AI ของ JPMorgan ไม่ได้แค่วิเคราะห์ข้อมูลในประเทศ แต่ยังเห็นพฤติกรรมการโกงจากหลายประเทศทั่วโลกด้วยเทคโนโลยี NLP ที่รองรับหลายภาษาและระบบการรวบรวมข้อมูลระดับโลก AI สามารถจับกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำงานข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่า AI จะมอบประโยชน์มากมาย แต่การนำมาใช้ก็มีอุปสรรคที่ต้องรับมือเช่นกัน:
JPMorgan แก้ไขข้อกังวลเหล่านี้โดยใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้อง พร้อมทั้งทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ AI เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ
ความสำเร็จของ JPMorgan ในการนำ AI มาใช้ตรวจจับการฉ้อโกง กลายเป็นตัวอย่างที่ธนาคารอื่น ๆ อาจเดินตาม เมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น สถาบันการเงินอื่นก็อาจเลือกใช้ AI เพื่อเสริมเกราะป้องกันเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยของแต่ละธนาคาร แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบการเงินโดยรวม
อนาคตของระบบความปลอดภัยทางการเงินจะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ที่ล้ำหน้า เมื่อโมเดล AI พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงก็จะยิ่งแม่นยำขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะต้องตื่นตัวและใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงจริยธรรมเป็นหลัก
ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นพันธมิตรคนสำคัญของสถาบันการเงิน แนวทางเชิงรุกของ JPMorgan จึงกลายเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการปกป้องทรัพย์สิน และรักษาความเชื่อมั่นจากลูกค้าได้อย่างแท้จริง
ทาง Amity Solutions ก็มีบริการ generative AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่