.avif)
ลองจินตนาการดูว่า… ถ้าคุณเข้าโรงพยาบาลแล้วไม่ต้องรอนาน เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ไม่ต้องเร่งรับโทรศัพท์ตลอดวัน และคุณหมอมีเวลามากขึ้นในการดูแลคนไข้แบบใกล้ชิด—ไม่ใช่มัวแต่กรอกเอกสารหรือจัดคิวคนไข้ ระบบแบบนั้นมีอยู่จริงแล้ววันนี้ เพราะเทคโนโลยี Voice AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีทำงานของโรงพยาบาลอย่างสิ้นเชิง
Voice AI หรือผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือรับสายอัตโนมัติธรรมดาอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นตัวช่วยเบื้องหลังที่สามารถสนับสนุนการสื่อสาร การนัดหมาย และการดูแลผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ยกระดับคุณภาพของทั้งการบริการและการจัดการภายในโรงพยาบาล
บอทเสียงสามารถตอบคำถามพื้นฐาน เช่น การจองคิว พบแพทย์ คำถามเกี่ยวกับประกัน หรือข้อมูลทั่วไป ได้แบบทันทีโดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่รับสายเอง ผลลัพธ์คือผู้ป่วยไม่ต้องถือสายรอนาน และสามารถเข้าถึงบริการได้รวดเร็วขึ้น ตัวอย่างจาก Simbo AI พบว่าเวลารอสายน้อยลงกว่า 60% (Simbo AI Blog, 2025)
คนไข้สามารถโทรเข้ามาได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางคืน วันหยุด หรือเวลาเร่งด่วน ช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่เวรดึกได้ถึง 30% และยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าพวกเขาได้รับความใส่ใจแม้ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ (Talkie.ai, 2024)
Voice AI บางระบบสามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา ทำให้โรงพยาบาลสามารถให้บริการผู้ป่วยต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่แปลหรือหาคนกลาง
ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยา หรือการติดตามอาการหลังการรักษา Voice AI จะส่งข้อมูลอย่างถูกต้องทุกครั้ง ลดปัญหาการสื่อสารผิดพลาดที่อาจเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่
บอทสามารถจัดการสายโทรศัพท์ซ้ำ ๆ ที่กินเวลาหลายชั่วโมงต่อวันได้ถึง 60% ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องคอยตอบคำถามเดิมซ้ำ ๆ และสามารถหันไปทำงานที่ต้องใช้ความใส่ใจ เช่น ดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือการจัดการเวชระเบียนอย่างละเอียดได้ดีขึ้น (Supafunnel, 2024)
โรงพยาบาลในสหรัฐฯ ใช้ระบบ Voice AI ในการจัดการการนัดหมาย พบว่าภาระของเจ้าหน้าที่ลดลงถึง 75% และยังทำให้ผู้ป่วยมารับบริการตรงเวลามากขึ้นถึง 30% จากการแจ้งเตือนอัตโนมัติ
TGH Urgent Care ซึ่งเคยมีสายโทรเข้ากว่า 500 สายต่อวัน แต่รับได้เพียง 20% ได้ใช้ Voice AI มาช่วยรับสายแทนบางส่วน ทำให้สายโทรลดลง 40% และอัตราการรับสายเพิ่มขึ้นถึง 80% ผู้ป่วยพอใจมากขึ้น และเจ้าหน้าที่เองก็ไม่รู้สึกเครียดกับงานที่ล้นเกิน (Simbo AI, 2025)
โรงพยาบาลหนึ่งนำ Voice AI ไปใช้โทรติดตามผู้ป่วยหลังรับการรักษา เช่น เตือนให้ทานยา หรือนัดตรวจสุขภาพ ส่งผลให้เวลาที่พยาบาลต้องใช้ในการโทรหาคนไข้ลดลงถึง 70% ทำให้พยาบาลสามารถกลับมาโฟกัสกับงานดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลได้มากขึ้น
.avif)
.avif)
Voice AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเสริม แต่มันคือ “การยกระดับ” วิธีดูแลผู้ป่วยอย่างแท้จริง
Voice bot ช่วยจัดการสายซ้ำ ๆ แทนเจ้าหน้าที่ ลดภาระงานประจำ เปิดทางให้ทีมงานโฟกัสกับเคสสำคัญได้มากขึ้น ทั้งประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่ต้องกลัวพลาดนัด ไม่ต้องรอสายยาวๆ ผู้ป่วยสามารถจัดการเรื่องนัดหมายได้ตลอดเวลา สะดวกทั้งคนไข้และโรงพยาบาล
องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี 2035 โลกจะขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ถึง 12.9 ล้านคน การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น “ทางรอด”
โซลูชัน Voice AI สมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายเดือนในการติดตั้ง ใช้งานได้ภายในไม่กี่วัน และไม่ต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่มาก
ลดงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ เช่น โทรแจ้งนัดหรือเตือนรับยา ให้เจ้าหน้าที่ไปโฟกัสกับงานสำคัญ เช่น ดูแลผู้ป่วยเฉพาะทาง ลด no-show เพิ่มอัตราการใช้ทรัพยากรในโรงพยาบาลได้ดีขึ้น
ไม่จำเป็นต้องเริ่มใหญ่ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนโลกได้
ที่ Amity Solutions เรามีโซลูชัน Accentix ซึ่งเป็น Voice AI ที่พร้อมใช้งานสำหรับสายการแพทย์โดยเฉพาะ
✅ รองรับการโทรเข้า-โทรออก พร้อมระบบ Voice Bot ที่เข้าใจภาษาไทยและสำเนียงท้องถิ่นได้ดี
✅ เชื่อมต่อกับระบบของโรงพยาบาล เช่น เวชระเบียน, ระบบนัดหมาย และ Call Center ได้อย่างลื่นไหล
✅ ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลดเวลารอสายและช่วยแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่
✅ ปรับใช้งานได้รวดเร็ว ไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่หรือฝึกอบรมซับซ้อน
Accentix by Amity Solutions ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โรงพยาบาลในยุคใหม่ที่ต้องการลดภาระ เพิ่มคุณภาพ และยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วยตั้งแต่เสียงแรกที่โทรเข้ามา สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่