Generative AI
Boonyawee Sirimaya
3
นาที อ่าน
May 30, 2025

ก้าวต่อไปของ Gen AI: เทรนด์ที่ต้องจับตาในช่วงปลายปี 2025

คลื่นลูกใหม่ของ Gen AI กำลังมา จับตามองเทรนด์ AI หลังจากนี้

หากคุณคิดว่าเทคโนโลยี Generative AI (Gen AI) กำลังจะถึงจุดอิ่มตัว… คิดใหม่อีกครั้ง เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2025 คือคลื่นลูกใหม่ที่ทั้งลึก เร็ว และแรงกว่าที่เคยเห็นมา

จากผู้ช่วยที่พิมพ์งานให้ กลายเป็น AI ที่สามารถออกแบบเว็บไซต์ทั้งระบบ แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ หรือแม้แต่ถกเถียงประเด็นทางสังคมอย่างมีเหตุผล เทคโนโลยีนี้กำลังเปลี่ยนวิธีที่เราใช้ชีวิตและทำงานอย่างรวดเร็ว

และนี่คือเทรนด์ Gen AI ที่คุณควรจับตาให้ดี เพราะมันอาจเปลี่ยนทั้งอุตสาหกรรม และวิธีคิดของคุณไปตลอดกาล

1. ยุคของ Agent AI หลายตัวร่วมมือกัน: ทีมงานดิจิทัลที่ทำงานแทนคนจริง

บุคคลที่มีแขนหุ่นยนต์หลายแขนกำลังจัดการงานหลายอย่างพร้อมกัน รวมถึงแล็ปท็อป โทรศัพท์ นาฬิกา และกระเป๋า
ระบบ Agent AI ช่วยให้จัดการงานหลายอย่างพร้อมกันในหลายด้าน

จากเดิมที่เราคุ้นชินกับการใช้ AI ตัวเดียว ตอนนี้กำลังเข้าสู่ยุคของระบบ “Agent AI หลายตัวที่ทำงานร่วมกัน” (Multi-Agent Systems) แต่ละตัวมีหน้าที่แตกต่างกันไปตามความสามารถเฉพาะด้านที่ถนัด

  • บอทตัวหนึ่งเขียนคอนเทนต์
  • อีกตัวตรวจสอบข้อเท็จจริง
  • อีกตัวแก้สำนวนให้เหมาะกับผู้อ่าน
  • และอีกตัวแปลภาษาทันทีแบบเรียลไทม์

รูปแบบการทำงานร่วมกันของ AI เหล่านี้ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งแม่นยำและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น แต่อีกด้านก็เพิ่มความเสี่ยงเรื่องการประสานงานผิดพลาด และพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งองค์กรต้องมีระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็ง (arXiv, 2025)

2. AI ที่เข้าใจอารมณ์: สื่อสารเหมือนมนุษย์มากขึ้น

มนุษย์และหุ่นยนต์ AI หันหน้าเข้าหากันพร้อมเส้นเชื่อมต่อประสาทระหว่างหัว แสดงความเข้าใจทางอารมณ์
ระบบ AI ปัจจุบันแสดงความฉลาดทางอารมณ์ขั้นสูง

ก่อนหน้านี้ AI อาจยังตอบคำถามแบบไม่มีชีวิตชีวาเนื่องจากข้อจำกัดทางอารมณ์ แต่ในตอนนี้ ด้วยความฉลาดทางอารมณ์ที่ถูกสร้างเข้าไปในโมเดลใหม่ๆ Gen AI เริ่มเข้าใจ “อารมณ์” และ “น้ำเสียง” ของผู้ใช้ได้มากขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • บอทบริการลูกค้าที่ตอบสนองได้ดีเมื่อเจอลูกค้าโกรธหรือเครียด
  • AI ผู้ช่วยด้านสุขภาพจิตที่ให้คำตอบเชิงเข้าอกเข้าใจ
  • ระบบอัตโนมัติที่ปรับการโต้ตอบตามอารมณ์ของผู้ใช้งานในขณะนั้น

ความสามารถด้านนี้ช่วยให้ AI มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ดีขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่น และสร้างประสบการณ์ใช้งานที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

3. แรงกดดันด้านกฎระเบียบ

ผู้เชี่ยวชาญสองคนกำลังตรวจสอบแผนภูมิข้อมูลและเอกสารบนชั้นที่เต็มไปด้วยแฟ้มที่จัดระเบียบ
การปฏิบัติตามกฎระเบียบต้องการเอกสารที่เป็นระบบและความโปร่งใสในการดำเนินงาน AI

เมื่อ AI มีอิทธิพลต่อชีวิตมากขึ้น ภาครัฐและองค์กรกำกับดูแลเริ่มเข้ามาจัดระเบียบอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการประกาศใช้ กฎหมาย AI Act อย่างเป็นทางการในปี 2024 ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานระดับโลก (France24, 2025)

สิ่งที่เราจะเห็นชัดขึ้นในปลายปีนี้:

  • เนื้อหาต้องระบุชัดเจนว่าใช้ AI สร้างหรือไม่
  • มีระบบรายงานความลำเอียงของ AI
  • ระบบ AI ต้องสามารถตรวจสอบได้ย้อนหลัง (auditability)

องค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจเผชิญทั้งปัญหาด้านกฎหมายและความเชื่อมั่นจากผู้ใช้

4. แพลตฟอร์มที่ "สร้างมาเพื่อ AI": ไม่ใช่แค่แถม AI แต่คิดใหม่ตั้งแต่ต้น

บุคคลที่มีสไตล์กำลังโบกมือจากอินเทอร์เฟซวิดีโอพร้อมป้าย AI และพื้นหลังไล่สี
แพลตฟอร์มที่สร้างมาสำหรับ AI ผสานปัญญาประดิษฐ์เข้ากับประสบการณ์ผู้ใช้อย่างลงตัว

หลายธุรกิจเริ่มหันมาใช้ “AI-native platforms” หรือระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ AI ตั้งแต่แรก ไม่ใช่แค่เพิ่มฟีเจอร์ AI ทีหลัง

ตัวอย่างเช่น:

  • ระบบ CRM ที่คาดการณ์ยอดขาย และเขียนข้อเสนอให้อัตโนมัติ
  • แพลตฟอร์ม HR ที่คัดเลือกผู้สมัครงาน และจัดการฟีดแบ็คอัตโนมัติ
  • เครื่องมือสร้างสรรค์ที่ให้ AI ร่วมออกแบบพร้อมกับคนจริง

ใครที่ใช้ก่อน ได้เปรียบเรื่องความเร็วในการทำงาน และต้นทุนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด (McKinsey, 2025)

5. อินเตอร์เฟซสั่งงานด้วยเสียง: เทคโนโลยีที่มาแรงโดยเฉพาะในเอเชีย

มนุษย์สนทนากับหุ่นยนต์ AI ผ่านการโต้ตอบด้วยเสียง มีคลื่นเสียงและฟองข้อความปรากฏ
อินเทอร์เฟซเสียงเป็นหลักช่วยให้เกิดการสนทนาธรรมชาติระหว่างมนุษย์และระบบ AI

แม้ว่าการพิมพ์ยังคงเป็นวิธีหลักในการโต้ตอบกับ AI แต่ “การสั่งงานด้วยเสียง” (Voice-first AI) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความก้าวหน้าในเครื่องมือการจดจำเสียง (speech recognition), การเข้าใจน้ำเสียงธรรมชาติ (natural tone understanding), และการแปลแบบเรียลไทม์ (real-time translation) ทำให้ AI มีความสามารถในการสนทนาที่ซับซ้อนผ่านเสียงได้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว:

  • ศูนย์บริการที่ใช้ Voice Bot รับสายหลายล้านครั้งต่อเดือน
  • ผู้ช่วยเสียงที่เข้าใจหลายภาษาในวงการธนาคาร โลจิสติกส์ และการแพทย์
  • เครื่องมือช่วยผู้พิการทางสายตาให้เข้าถึงบริการดิจิทัล

ความสามารถในการเข้าใจน้ำเสียง และแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ AI เข้าถึงคนจำนวนมากขึ้นอย่างแท้จริง

6. จากผู้สร้างสรรค์คนเดียวสู่การ “ร่วมสร้าง” ระหว่างมนุษย์กับ AI

ฉากแยกแสดงมือหุ่นยนต์ AI พิมพ์บนแล็ปท็อปและมือมนุษย์เขียนบนกระดาษพร้อมแผนภูมิ
การร่วมมือระหว่างมนุษย์และ AI ผสมผสานการสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์

วันนี้ Gen AI ไม่ได้มาแทนที่นักสร้างสรรค์ แต่กลายเป็น “พาร์ตเนอร์ร่วมงาน” ที่ช่วยจุดประกายความคิด สร้างเนื้อหา และทดลองไอเดียใหม่ ๆ

ตัวอย่าง:

  • AI เสนอคำโปรยโฆษณาหลายรูปแบบให้เลือก
  • ระบบเขียนบทที่สามารถปรับโครงเรื่องได้ตามโจทย์
  • เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ทั้งออกแบบ เขียนโค้ด และทดสอบหน้าเพจให้เสร็จในตัวเดียว

บริษัทอย่าง Pika กำลังทำให้การสร้างวิดีโอคุณภาพสูงเป็นเรื่องที่คนทั่วไปก็ทำได้ (Fast Company, 2025)

แล้วทำไมเทรนด์เหล่านี้ถึงสำคัญ?

เพราะอนาคตของ Gen AI ไม่ใช่แค่ “เทคโนโลยีที่ดีกว่า” แต่คือ “การเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีใช้ชีวิตของเราโดยสิ้นเชิง”

สรุปเทรนด์เด่นที่ต้องรู้:

  • Agent AI หลายตัวทำงานร่วมกันแบบเป็นทีม
  • AI เข้าใจอารมณ์มนุษย์มากขึ้น
  • มีกฎระเบียบที่บังคับความโปร่งใส
  • แพลตฟอร์มใหม่ที่คิดมาเพื่อใช้ AI ตั้งแต่ต้น
  • อินเตอร์เฟซเสียงกำลังมาแรง
  • งานสร้างสรรค์กำลังกลายเป็นการทำงานร่วมกับ AI

ทาง Amity Solutions ก็มีบริการ Generative AIที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่