.webp)
Sam และ Jony เปิดตัว ‘io’ อนาคตใหม่ของอุปกรณ์ AI
จุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งอุปกรณ์ที่สร้างมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ
ในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกเร็วเกินคาด—OpenAI กำลังขยับอีกก้าวสำคัญ ด้วยการร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI และ Jony Ive นักออกแบบระดับตำนานผู้เคยอยู่เบื้องหลัง iPhone เพื่อเปิดตัว ‘io’ อุปกรณ์ต้นแบบแห่งยุคที่ไม่ได้สร้างมาเพียง “ใช้งาน AI” แต่ถูกออกแบบมา “เพื่อ AI” ตั้งแต่ต้น
มองไปไกลกว่าหน้าจอ
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดจากความเชื่อเดียวกันของ Altman และ Ive ว่า อินเทอร์เฟซแบบเดิม ๆ อย่างหน้าจอหรือคีย์บอร์ด อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไปในยุคที่ AI ฉลาดขึ้นทุกวัน พวกเขามองว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรมีอุปกรณ์ที่ “เข้าใจ” และ “เชื่อมต่อกับมนุษย์” ได้จริง ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องมือรับคำสั่งอีกต่อไป (The Atlantic, 2025)
"ทุกวันนี้ คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็น คิด และเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้แล้ว" Altman กล่าว "แต่ประสบการณ์ที่เราได้รับกลับยังคงยึดติดอยู่กับอุปกรณ์แบบเดิม ๆ ที่เราใช้มานานหลายสิบปี"
(OpenAI, 2025)
แนวคิดของ io จึงไม่ได้ตั้งใจจะมาแทนสมาร์ตโฟน แต่จะเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่มอบประสบการณ์การใช้งาน AI ในรูปแบบที่ “เป็นธรรมชาติ” มากที่สุด – อุปกรณ์ที่ไม่ต้องมีหน้าจอ ไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง แต่ “รู้ใจ” เราและตอบสนองได้ทันที เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของความคิดเราเลยก็ว่าได้ (The Atlantic, 2025)
เดิมพัน 6.5 พันล้านดอลลาร์: เมื่อ OpenAI เข้าซื้อกิจการ 'io'
OpenAI ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ ด้วยการเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัปของ Jony Ive ที่ชื่อว่า ‘io’ ด้วยมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทจนถึงตอนนี้
ดีลนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่คือการรวมตัวของสองขั้วพลัง –Jony Ive ผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยงานออกแบบ iPhone และ OpenAI ผู้อยู่เบื้องหลัง AI ระดับแถวหน้าอย่าง ChatGPT
เป้าหมายของความร่วมมือนี้คือการสร้าง “อุปกรณ์ใหม่ประเภทหนึ่ง” ที่ออกแบบมาเพื่อให้ AI ผสานเข้ากับชีวิตของเราได้อย่างแนบเนียน และอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
อตนนี้เรารู้อะไรเกี่ยวกับ io บ้าง
แม้รายละเอียดของโปรเจกต์ io จะยังไม่ถูกเปิดเผยมากนัก แต่ก็มีข้อมูลสำคัญบางส่วนที่เริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว:
- ไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะมาแทนสมาร์ตโฟน: Sam Altman ชี้แจงว่า io ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแทนที่มือถือ แต่จะมอบวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ AI โดยไม่จำเป็นต้องใช้จอหรือแอปแบบเดิม (El País, 2025)
- แนวคิดการออกแบบ: Jony Ive ย้ำถึงหลักสำคัญของการออกแบบในยุค AI – อุปกรณ์ควรเรียบง่าย ใช้งานไม่ยุ่งยาก และ “กลมกลืนไปกับชีวิตของผู้ใช้” ไม่ใช่สิ่งที่ดึงความสนใจ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวอย่างธรรมชาติ
- กำหนดการเปิดตัว ผลิตภัณฑ์แรกจากความร่วมมือระหว่าง Ive และ OpenAI คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026
สัญญาณสำคัญที่สั่นสะเทือนวงการเทคโนโลยี
การจับมือกันครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในหลายด้าน:
- AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริง: จากเดิมที่ AI อยู่ในรูปแบบของซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน ตอนนี้ OpenAI กำลังก้าวไปอีกขั้น ด้วยการสร้าง “ฮาร์ดแวร์สำหรับ AI” โดยเฉพาะเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นเรื่องธรรมชาติยิ่งขึ้น (The Atlantic, 2025)
- งานออกแบบจะกลายเป็นหัวใจสำคัญ: การที่ Jony Ive เข้ามามีบทบาทสะท้อนให้เห็นว่า
การออกแบบไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ AI เข้าถึงคนทุกกลุ่มตั้งแต่เด็กยันผู้สูงอายุ - ความเปลี่ยนแปลงในสมรภูมิเทคโนโลยี: io อาจกลายเป็นอุปกรณ์รูปแบบใหม่ที่ท้าทายอำนาจของแบรนด์ใหญ่ที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Apple, Google หรือ Meta ด้วยวิธีใหม่ในการใช้งาน AI ที่ทั้งเรียบง่ายและล้ำลึก
ความท้าทายที่รออยู่
แม้ว่าโปรเจกต์ ‘io’ จะดูน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยโอกาส แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จยังต้องผ่านหลายด่านทดสอบ:
- การยอมรับจากผู้ใช้งาน: การแนะนำอุปกรณ์รูปแบบใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้คนคุ้นชินกับสมาร์ตโฟนมานาน การจะเปลี่ยนพฤติกรรมต้องมี “เหตุผลที่ชัดเจน” และต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าใช้งานง่ายและมีประโยชน์จริง (San Francisco Chronicle, 2025)
- เรื่องความเป็นส่วนตัว: ยิ่งอุปกรณ์ AI เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวก็จะเพิ่มตาม การออกแบบระบบให้ปลอดภัยและเคารพความเป็นส่วนตัวจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
- การแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด: การก้าวเข้าสู่สนามที่มีผู้เล่นใหญ่อย่าง Apple และ Google อยู่แล้ว หมายความว่า ‘io’ ต้องมีจุดเด่นที่ “แตกต่างและน่าเชื่อถือ” เพื่อให้ผู้คนเลือกเปิดใจลองของใหม่
สรุป: จุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่ง AI
‘io’ ไม่ใช่แค่โปรเจกต์ใหม่ของ Sam Altman และ Jony Ive แต่มันอาจเป็นการวางรากฐานของ “ยุคใหม่” ที่ AI จะไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเบื้องหลัง แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
การจับมือกันระหว่างคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ iPhone กับผู้นำด้าน AI ของโลก นับว่าเป็นเรื่องน่าจับตามอง เพราะมันสะท้อนถึงวิธีคิดใหม่: เทคโนโลยีไม่ควรซับซ้อน แต่ควร “กลมกลืนกับชีวิตประจำวัน” โดยไม่ต้องพึ่งพาหน้าจอหรือคีย์บอร์ด
แต่เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล การพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำหน้าเป็นแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือการทำให้ผู้คน “เชื่อ” และ “พร้อมใช้งานจริง”
ทาง Amity Solutions ก็มีบริการ Chat Bots ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่นี่